เราควรจะไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาเมื่อไหร่

แชร์

การดูแลดวงตาของเราด้วยความเอาใจใส่อย่างมากที่สุดตลอดชีวิตของเราเป็นเรื่องพื้นฐาน การเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็นหรือไม่ไปตรวจตาตามกำหนดจะทำให้ประสาทสำผัสที่สำคัญนี้ตกอยู่ในความเสี่ยง

สมาคมจักษุวิทยาแห่งแคนาดา (COS) แนะนำให้ผู้ใหญ่ไปพบจักษุแพทย์โดยเร็วที่สุด หากคุณพบอาการใด ๆ ต่อไปนี้:

  • สูญเสียการมองเห็น หรือการมองเห็นลดลงในตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
  • การมองเห็นที่เปลี่ยนแปลง เช่น การเกิดจุดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แสงวาบ ริ้วฟ้าแลบหรือเส้นแสงที่ขรุขระ การมองเห็นเป็นคลื่นหรือเหมือนอยู่ใต้น้ำ ใบหน้าไม่ชัด การบิดเบี้ยวหรือเส้นหยัก รัศมีรอบแสงสว่าง การเห็นภาพซ้อน
  • การเปลี่ยนแปลงในพื้นที่การมองเห็น เช่น เงา การสูญเสียการมองเห็นคล้ายม่าน จุดดำหรือความพร่ามัวในการมองเห็นส่วนกลางหรือรอบนอก (ด้านข้าง)
  • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของดวงตา เช่น ตาเหล่ ตาที่หันเข้า ออก ขึ้นหรือลง การปวดตา สัญญาณของการติดเชื้อ (แดง บวม มีขี้ตา ฯลฯ )
  • การเปลี่ยนแปลงการรับรู้สีก

ก่อนอายุ 5 ปี

how do i protect my childs sight

น่าเสียดายที่บุตรของคุณอาจมีปัญหาด้านการมองเห็นอย่างรุนแรงโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่บุตรของคุณควรได้รับการตรวจดวงตาเมื่ออายุ 1, 3 และ 5 ปีโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพตา แพทย์ปฐมภูมิ แพทย์ประจำครอบครัว กุมารแพทย์หรือผู้ตรวจคัดกรองที่ได้รับการฝึกอบรมสำหรับสภาพตา เช่น:

  • ตาเหล่ (ตาเข)
  • ตามัว (ตาขี้เกียจ)
  • หนังตาตก (เปลือกตาบนหย่อน)
  • ข้อผิดพลาดในการหักเหของแสง (สายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง)

จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการตรวจสายตาของบุตรกับนักทัศนมาตร

กาทดสอบของนักทัศนมาตร ประกอบด้วย การตรวจตาครบวงจร ซึ่งออกแบบมาเพื่อระบุโรคที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการทดสอบการหักเหของแสงที่ประเมินการมองเห็นของบุตรของคุณ และการประเมินการทำงานเพื่อการมองเห็น / สุขภาพตา

ดวงตาของบุตรของคุณจะขยายออกสำหรับการเข้ารับการตรวจครั้งแรก และอาจมีการขยายในการเข้ารับการตรวจในอนาคต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักทัศนมาตร

คุณควรตรวจตาบ่อยแค่ไหน?

* A brief examination of your child’s eyes and a vision screening by a pediatrician or family practice doctor is not a substitute for an eye exam performed by an eye doctor.